"ประชาคมอาเซียน” หากพูดเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว หลายคนคงสงสัยว่าคืออะไร ดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวแต่ในวันนี้คงไม่ใช่เรื่องใหม่และไกลตัวเหมือนเช่น อดีตที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากในปี พ.ศ.2558 ประเทศไทยของเราจะเปิดประตูสู่ประชาคมอาเซียน นั่นหมายความว่า ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ไปอีกขั้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเราทุกคน หน่วยงานต่างๆ จึงลุกขึ้นมาจัดกิจกรรม ให้ความรู้และแบ่งปันความคิดเห็นในมุมมองต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ที่กำลังจะมาถึง
ทำไมต้องสร้างประชาคมอาเซียน?
จากการที่
สถานการณ์โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ปัญหาหลายอย่างที่เคยเป็นปัญหาในประเทศกลับขยายวงกว้างขึ้นเป็นปัญหาระหว่าง
ประเทศ เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคติดต่อ
อาเซียนจึงต้องปรับตัวให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ด้วยเหตุนี้
การผนึกกำลังของอาเซียนซึ่งมีประเทศสมาชิก 10 ประเทศให้เข้มแข็ง
ย่อมทำให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สามารถเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและปัญหาท้าทายได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น
ผู้นำอาเซียน จึงเห็นพ้องกันว่า ควรกำหนดให้มีการสร้างประชาคมอาเซียนบน 3
เสาหลัก ภายในปี 2563 ซึ่งต่อมาเลื่อนให้เร็วขึ้น เป็นปี 2558
1.
ประชาคมการเมืองความมั่นคงอาเซียน
2. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
เสาหลักแรก คือ
ประชาคมการเมืองความมั่นคงอาเซียน เน้นการรวมตัวของอาเซียน
เพื่อสร้างความมั่นใจ เสถียรภาพ และสันติภาพในภูมิภาค
เพื่อให้ประชาชนในอาเซียนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
และปราศจากภัยคุกคามจากด้านการทหารและภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ เช่น
ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ สำหรับประเทศไทย
นอกเหนือจากการให้การสนับสนุนและความร่วมมือดังกล่าวแล้ว
ยังผลักดันให้เพิ่มบทบาทของประธานในการทำหน้าที่ส่งเสริมความมั่นคงใน
ภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการส่งเสริมแนวคิด
"การทูตเชิงป้องกัน”
เพื่อช่วยลดปัญหาความขัดแย้งที่จะส่งผลกระทบต่อภูมิภาคโดยรวม
เสาหลักที่สอง
คือ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เน้นให้ความสำคัญในเรื่องการตลาดและการมีฐานการผลิตร่วมกัน
มีการเคลื่อนย้ายสินค้า การบริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ
และเงินลงทุนอย่างเสรีมากขึ้น มีโครงการเชื่อมโยงเส้นทางหลวงอาเซียน
มีความร่วมมือระหว่างประเทศในการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟจากสิงคโปร์
ผ่านไปยังมาเลเซีย ไทย กัมพูชา เวียดนาม และสิ้นสุดที่จีน
ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์จากการขยายฐานการส่งออก
และมีโอกาสทางการค้าด้านบริการที่ไทยมีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้น เช่น
ท่องเที่ยว โรงแรมและภัตตาคาร สุขภาพ ฯลฯ
เสาหลักที่สาม
คือ ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน มุ่งหวังให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี
ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยเน้นการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจระหว่างประเทศสมาชิก
ด้วยการเชื่อมโยงด้านประวัติศาสตร์ มรดกทางวัฒนธรรม
และอัตลักษณ์ระดับภูมิภาคร่วมกัน
ปัจจุบันอาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย
การรวมตัวกันอย่างใกล้ชิดทางด้านเศรษฐกิจ รวมไปถึง
การขยายความร่วมมือเพื่อเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มโอกาสทางการค้า
และการลงทุนให้กับไทย ด้วยเหตุนี้ ทุกภาคส่วนจึงควรมีการเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลัง จะเกิดขึ้นในทุกด้านๆ
และการลงทุนให้กับไทย ด้วยเหตุนี้ ทุกภาคส่วนจึงควรมีการเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลัง จะเกิดขึ้นในทุกด้านๆ
หากทุกคนในประเทศไทยในทุกภาคส่วนพร้อมใจกันก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ด้วยการเตรียมความพร้อมกันมาเป็นอย่างดีแล้ว
เราคงจะได้เห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เจริญก้าวหน้าขึ้น
อย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้อย่างแน่นอน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น